“ล่องเรือไหล” เป็นบทเพลงพื้นบ้านภาคเหนือที่มีความโดดเด่นด้วยทำนองที่ melancholic สอดคล้องกับเนื้อร้องที่บรรยายถึงความรักและความโศกเศร้า
ในโลกของดนตรีพื้นบ้านไทย “ล่องเรือไหล” ถือเป็นหนึ่งในบทเพลงที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจากผู้คนทุกรุ่นทุกวัย เพลงนี้ถูกถ่ายทอดกันมาอย่างต่อเนื่องผ่าน世代 โดยเริ่มต้นจากการร้องลำนำแบบไม่ใช้เครื่องดนตรีใด ๆ ในหมู่ชาวบ้าน
เนื้อหาของ “ล่องเรือไหล” นั้นพูดถึงความรักที่ต้องพลัดพรากจากกัน ความหวิหวาร้างของผู้ที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และความโศกเศร้าที่เกิดขึ้นเมื่อต้องสูญเสียคนที่รักไป
ทำนองของ “ล่องเรือไหล” นั้นเป็นที่จดจำได้ง่าย ด้วยการใช้โน้ตที่ค่อนข้างเรียบง่าย แต่ก็สามารถสื่อถึงอารมณ์ในเพลงได้อย่างชัดเจน โทนเสียงส่วนใหญ่จะเป็นโทนเสียงต่ำและมีความเศร้า melancholic
ในการแสดง “ล่องเรือไหล” มักจะใช้เครื่องดนตรีพื้นบ้านภาคเหนือ เช่น กลองซึง, ฟ้อน, และขลุ่ย
เมื่อพูดถึงบทเพลงพื้นบ้านไทย เรื่องราวของผู้ที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายทอดและอนุรักษ์ “ล่องเรือไหล” ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน หนึ่งในบุคคลสำคัญที่ได้นำ “ล่องเรือไหล” ไปสู่สายตาคนรุ่นใหม่ก็คือ นครินทร์ เศวตมาตร (Narin Treemas) ซึ่งเป็นศิลปินนักร้องและนักแต่งเพลงที่มีชื่อเสียงในวงการดนตรีไทย
นครินทร์ เศวตมาตร เป็นบุตรชายของอาจารย์สุนทร เศวตมาตร ผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรีพื้นบ้านภาคเหนือ อีกทั้งยังเป็นผู้ก่อตั้งคณะดนตรี “ล่องเรือไหล” ซึ่งได้นำบทเพลงพื้นบ้านภาคเหนือไปแสดงตามงานเทศกาลและเวทีดนตรีต่างๆ
นครินทร์ เศวตมาตร ยังคงยึดมั่นในคำสอนของบิดาที่อยากให้คนรุ่นหลังหันกลับมารำลึกถึงความงดงามของดนตรีพื้นบ้านไทย และนำมันไปสู่วงกว้างมากขึ้น
ความพิเศษของ “ล่องเรือไหล”
“ล่องเรือไหล” ไม่ใช่แค่บทเพลงที่ไพเราะเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวแทนของวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของผู้คนในภาคเหนืออีกด้วย
เนื้อหาของเพลงสะท้อนให้เห็นถึงความรัก ความห่วงใย และความผูกพันที่มีต่อครอบครัวและสังคม
นอกจากนี้ “ล่องเรือไหล” ยังเป็นบทเพลงที่สามารถนำไปดัดแปลงทำนองได้ง่าย ทำให้ศิลปินยุคใหม่สามารถนำไปร้องหรือบรรเลงในรูปแบบต่างๆ ได้ โดยยังคงรักษาความเป็นเอกลักษณ์ของบทเพลงพื้นบ้านไว้
ประวัติและที่มาของ “ล่องเรือไหล”
-
ยุคสมัย: ไม่ทราบแน่ชัดว่าเพลงนี้แต่งขึ้นเมื่อใด แต่คาดว่าน่าจะมีอายุไม่ต่ำกว่า 100 ปี
-
ภูมิภาค: ภาคเหนือของประเทศไทย
-
ที่มา: ร่ำลือกันว่าเพลง “ล่องเรือไหล” เกิดจากความรักและความโศกเศร้าของหญิงสาวผู้ต้องพลัดพรากจากชายหนุ่มที่เธอรัก
เนื้อหาของ “ล่องเรือไหล”:
เนื้อเพลง “ล่องเรือไหล” บรรยายถึงความรักที่ต้องพลัดพรากจากกัน โดยใช้ภาพพจน์ของเรือที่ล่องไหลไปตามสายน้ำ เพื่อเปรียบเทียบกับชีวิตผู้คน
คำร้อง |
---|
ล่องเรือไหล ลงแม่น้ำโขง |
น้ำไหลไป เหมือนรักที่ลา |
อาลัยอาทร บ่ได้พบกัน |
ทำนองและจังหวะ:
“ล่องเรือไหล” มีทำนองที่เรียบง่ายแต่กินใจ โดยใช้โน้ตต่ำเป็นหลัก และมีการขึ้นลงของระดับเสียงอย่างช้าๆ สร้างความรู้สึก melancholic และเศร้าโศก
เครื่องดนตรี:
ในอดีต “ล่องเรือไหล” มักจะถูกขับร้องโดยไม่มีเครื่องดนตรีประกอบ แต่ในปัจจุบันมักใช้เครื่องดนตรีพื้นบ้านภาคเหนือในการบรรเลง เช่น:
- ขลุ่ย: เครื่องดนตรีลมที่ให้เสียงใสและสูง
- ฟ้อน: เครื่องดนตรีประเภทระนาด ที่ให้เสียงดังกังวาล
- กลองซึง: กลองขนาดใหญ่ที่มีเสียงต่ำ
บทบาทของ “ล่องเรือไหล” ในสังคมไทย
“ล่องเรือไหล” เป็นหนึ่งในบทเพลงพื้นบ้านที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจากผู้คนทุกรุ่นทุกวัย เพลงนี้ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งความบันเทิงเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของผู้คนในภาคเหนืออีกด้วย
นอกจากนั้น “ล่องเรือไหล” ยังได้ถูกนำไปดัดแปลงทำนอง และนำไปใช้ในงานศิลปะอื่น ๆ เช่น ภาพยนตร์ ละคร
ความนิยมของ “ล่องเรือไหล” ในปัจจุบัน:
แม้ว่าจะผ่านมาหลายสิบปีแล้ว แต่ “ล่องเรือไหล” ก็ยังคงได้รับความนิยมจากคนรุ่นใหม่
ด้วยความที่ทำนองไพเราะ และเนื้อหาที่สื่อถึงอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ ทำให้ “ล่องเรือไหล” เป็นเพลงที่เหมาะแก่การนำไปร้องตามงานเลี้ยงสังสรรค์ งานแต่งงาน และงานศพ
นอกจากนั้น ยังมีศิลปินยุคใหม่ที่นำ “ล่องเรือไหล” ไปดัดแปลงทำนองและบรรเลงในรูปแบบต่างๆ ซึ่งทำให้บทเพลงนี้ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง