“Ring of Fire” เป็นหนึ่งในเพลงที่โด่งดังที่สุดของ Johnny Cash และยังคงเป็นเพลงคลาสสิกที่ได้รับการยกย่องอย่างสูงในวงการเพลงคันทรีมาจนถึงปัจจุบัน ถึงแม้ว่าจะเป็นเพลงที่ร้องด้วยโทนเสียงต่ำและเนื้อหาเกี่ยวกับความรักที่เจ็บปวด แต่ “Ring of Fire” ก็มีส่วนผสมของจังหวะร็อกแอนด์โรลที่ทำให้ผู้คนอยากลุกขึ้นมาเต้นตามไปด้วย
Johnny Cash นักร้องนักแต่งเพลงชาวอเมริกัน ผู้มีชื่อเสียงจากการเป็น “The Man in Black” ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในศิลปินคันทรีที่มีอิทธิพลมากที่สุดตลอดกาล เขาเกิดในรัฐอาร์คันซอเมื่อปี ค.ศ. 1932 และเริ่มต้นอาชีพดนตรีในช่วงทศวรรษ 1950 ด้วยการร้องเพลงคันทรีแบบดั้งเดิม แต่ Cash ยังคงมองหาเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง
“Ring of Fire” ถูกแต่งขึ้นโดย June Carter Cash (ภรรยาของ Johnny) และ Merle Kilgore ในปี ค.ศ. 1963 เนื้อหาของเพลงนี้พูดถึงความรู้สึก intense ของความรักที่เปรียบเสมือน “Ring of Fire” ซึ่งเป็นภาพที่น่าจดจำและทำให้ผู้ฟังเกิดความเห็นอกเห็นใจ
เนื้อหาเพลง “Ring of Fire”
เนื้อเพลงได้อธิบายถึงความรู้สึกเจ็บปวดและความหลงใหลอย่างสุดโต่งในความรัก โดย Cash ร้องถึงความรู้สึกราวกับถูกเผาไหม้จากกองไฟ
“Love is a burning thing And it makes a fiery ring Bound by wild desire, I fell into a Ring of Fire”
จังหวะและดนตรีที่โดดเด่น
สิ่งที่ทำให้ “Ring of Fire” เป็นเพลงคันทรีที่ไม่เหมือนใครก็คือการผสมผสานของจังหวะร็อกแอนด์โรลเข้ามาในเนื้อเพลงคันทรีแบบดั้งเดิม
- กีตาร์ไฟฟ้า: เสียงกีตาร์ไฟฟ้าที่มีลักษณะคมชัดและมีพลังถูกนำมาใช้เพื่อสร้างจังหวะที่กระตุ้นอารมณ์
- กลอง: กลองที่หนักแน่นช่วยเพิ่มความรุนแรงให้กับเพลง
ความสำเร็จของ “Ring of Fire”
“Ring of Fire” เปิดตัวครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1963 และขึ้นถึงอันดับที่ 1 ใน Billboard Hot 100 Chart นอกจากนี้ ยังได้รับรางวัล Grammy Award สาขา Best Country & Western Performance Duo or Group
มรดกของ “Ring of Fire”
“Ring of Fire” กลายเป็นเพลงคลาสสิกที่ไม่ล้าสมัย และยังคงถูกนำมา cover และปรากฏในภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ต่างๆ มากมาย นอกจากนี้ ยังได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในเพลงที่โด่งดังที่สุดของ Johnny Cash
เพลงนี้ยังคงเป็นตัวอย่างของความสามารถในการผสมผสานแนวดนตรีและสร้างผลงานเพลงที่ครองใจผู้คนมาจนถึงทุกวันนี้.